วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไมโครซอฟท์เพิ่ม Office Starter 2010: จำกัดฟังก์ชันการใช้งานและมีโฆษณา

ไมโครซอฟท์ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่ที่จะให้ผู้ที่ซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ได้ทดลองใช้ Office 2010 โดยจะเพิ่มรุ่น Office Starter 2010 เข้าไป นอกจากนั้นยังเปิดเผย Product Key Card และเทคโนโลยี Click-To-Run ในคราวเดียวกัน

Office Starter 2010

มาแทน Microsoft Works + Office 2007 ทดลองใช้ 60 วัน ซึ่งติดตั้งมากับคอมพิวเตอร์ใหม่
ประกอบด้วย Word และ Excel
ถูกจำกัดฟังก์ชันการใช้งาน (reduced-functionality) โดยมีฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานสำหรับสร้างไฟล์ รวมถึงเปิดดูและแก้ไขได้ เท่านั้น
ไม่มีวันหมดอายุ และมีโฆษณาในโปรแกรม จากวีดีโอใน Microsoft Office 2010 Engineering โฆษณาจะแสดงอยู่บริเวณล่างสุดของ Task Pane ที่อยู่ขวามือของหน้าต่างโปรแกรม โดย Task Pane จะมีลิงก์ดาวน์โหลดแม่แบบเอกสารและเปิดดูตัวช่วยเหลือ (Help) อีกด้วย


Product Key Card

ปลดล็อกฟีเจอร์ Office 2010 ที่ติดตั้งมากับคอมพิวเตอร์ใหม่ไปเป็นรุ่นใดรุ่นหนึ่ง คือ Office Home and Student 2010, Office Home and Business 2010 หรือ Office Professional 2010
สามารถซื้อหาได้จากผู้ผลิต OEM รายใหญ่และร้านขายสินค้า
ไม่มีแผ่นติดตั้งโปรแกรมมาให้

เทคโนโลยี Click-To-Run

ผู้ที่ต้องการใช้ Office 2010 สามารถดาวน์โหลดรุ่นทดลองใช้และซื้อจาก Office.com ได้โดยตรง และพร้อมใช้ในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการดาวน์โหลดและติดตั้งลง รวมถึงอัพเดตโดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
ใช้เทคโนโลยีเวชวลไลเซชั่น ทำให้สามารถคง Office เดิมที่ติดตั้งอยู่และทดลองใช้ Office 2010 ไปพร้อมกันได้


ที่มา :http://www.blognone.com

Gartner : 10 เทคโนโลยีโดดเด่นปี 2010

Gartner, Inc. ได้วิเคราะห์ Trend ของเทคโนโลยีในปีนี้และประกาศเทคโนโลยีที่จะเป็นกลยุทธสำหรับองค์กรต่างๆในปี 2010 ผลการวิเคราะห์นี้ถูกพรีเซ้นท์ในงาน Gartner Symposium/ITxpo, ที่จะถูกจัดใน วันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา เทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงจะเป็นตัวสำคัญที่จะมีผลต่อองค์กรต่างๆในระยะ 3 ปีต่อไปนี้ โดยองค์กรควรทำแผนระยะยาวสำหรับดำเนินการในบางเทคโนโลยีที่พิจารณาแล้วว่ามีผลกระทบ สาเหตุที่ต้องทำเพราะเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นที่นิยมหรืออาจจะได้ประโยชน์จากการเริ่มใช้ก่อน

1. Cloud Computing.
Cloud computing คือโมเดลที่ผู้ให้บริการ IT หลากหลายรูปแบบสามารถกำหนดวิธีการบริการสู่ลูกค้า ผู้ให้บริการจะทำ Cloud Computing ให้บริการกับลูกค้า (ผู้ประกอบการหรือผู้ให้บริการ ทำกับธุรกิจที่เป็นลูกค้า เป็น B2B) ได้มากขึ้น อ้างอิงข้อมูลจาก telecomjournal Cloud Computing เป็นการให้บริการโดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ เพื่อที่ส่งมอบการให้บริการให้กับลูกค้าได้เร็วที่สุด โดยผู้ให้บริการจะเตรียมระบบเครือข่ายของการให้บริการไว้สำหรับลูกค้าภายนอกโดยที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงระบบของผู้ให้บริการได้โดยผ่านอุปกรณ์ไอทีและการสื่อสารต่างๆ เช่น ไอโฟน (iPhone) PSP, BlackBerry หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์ (Device) ใดๆ ก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตได้ ก็สามารถใช้บริการนั้นได้

Cloud-based services สามารถที่จะประยุกต์ได้หลายทางที่จะใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตัว application และ Solution แต่การใช้ cloud resources ไม่ได้ช่วยลดต้นทุนของ IT Solution แต่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริการต่างๆและลดการใช้บริการในส่วนอื่น ในทางเดียวกัน การใช้ cloud services enterprises จะมีหน้าที่มากขึ้นเหมือนกับ cloud providers และส่งต่อ application, information หรือ business process services ไปที่ลูกค้าหรือ Business Partner ของเรา

2. Advanced Analytics.
การพิจารณาจุด Optimization และการจำลองเหตุการณ์ (simulation) จะสามารถใช้เครื่องมีอวิเคราะห์และโมเดลที่จะ Maximize Business Process และสามารถที่จะตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยพิจารณาจากผลที่ได้จากทางเลือกต่างๆภายใต้สภาพแวดล้อมแบบต่างๆได้ ทั้งก่อนเริ่มทำ ระหว่างทำ และหลังจากจบการ implementation การพิจาณาทั้งสามขั้นนี้สามารถที่จะ Support การตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างดี
การกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ และการเตรียมนโยบายสามารถที่จะได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ Real time ไม่ว่าจะทำผ่าน customer relationship management (CRM) หรือ enterprise resource planning (ERP) หรือ application อื่นๆ วิธีใหม่ๆนี้จะให้ทั้งการจำลอง การทำนาย การหาจุด optimization และรูปแบบผลการวิเคราะห์ที่ออกมาไม่ได้ให้เพียงแค่ให้ information แต่ทำให้การตัดสินใจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในทุกกิจกรรมทางธุรกิจ เพราะสามารถมองไปในอนาคตได้ในทุกขั้นตอนที่ทำ

3. Client Computing.
Virtualization ในช่วงที่ผ่านมาเป็นหนทางใหม่ของการจัดชุดสำเร็จรูปการให้บริการทางคอมพิวเตอร์ (packaging client computing applications and capabilities) ผลจากเรื่องดังกล่าวทำให้ PC hardware platform และ OS platform, มีความสำคัญลดลง องค์กรจึงควรที่จะกระตือรือล้นในการสร้าง RoadMap ระยะ 5-8 ปีของ client computing ( Client คือ ระบบที่สามารถ access service จากศูนย์กลางได้ ) หาอุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐาน , ownership และ support; ระบบปฎิบัติการและทางเลือกของ Selection , การอัพเดท การบริหาร และแผนพัฒนา

4. IT for Green
IT สามารถนำไปใช้โยงกับเรื่องสิ่งแวดล้อมได้หลากหลายอยู่แล้ว ยิ่งใช้ IT มากองค์กรจะยิ่งมีความรู้สึกของการรักษาสภาพแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างการใช้ทั่วไปเช่น e-documents ช่วยลดกระดาษ การทำงานและประมวลผลระยะไกลช่วยลดการเดินทางจากการทำงานระยะไกล นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ในการสร้างเครื่องมือวิเคราะห์วิธีที่องค์กรจะใช้พลังงานให้ต่ำสุดได้ เช่นกรณีของ การขนส่ง หรือ กิจกรรมการบริหารลด carbon

5. Reshaping the Data Center
ในอดีต วิธีออกแบบ Data Center นั้นธรรมดามาก คือดูว่าเรามีอะไรอยู่และประมาณการการเติบโตไปอีก 15 ถึง 20 ปี จากนั้นจึงสร้างขึ้นมา การสร้าง data centers ใหม่มักจะใช้พื้นที่เปิดสีขาวใหญ่มากทั้งฟลอร์ ให้พลังงานเต็มที่พร้อม UPS อย่างดี ระบายความร้อนด้วยอากาศหรือน้ำ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนจริงๆจะต่ำลงถ้าองค์กรประยุกต์ใช้ Data Center แบบ pod-based ทั้งในส่วนของโครงสร้างและ วิธีการต่อขยาย เช่นถ้าตลอดอายุของ data center ต้องใช้พื้นที่ 9,000 ตารางฟุต ก็สามารถสร้าง site มา support เพื่อการนี้ได้ แต่ให้สร้างในสเป็คที่ต้องการสำหรับภายใน 5-7 ปีเท่านั้น ทำให้ลดต้นทุนได้ ,และใช้ส่วนที่เหลือสำหรับ Client และลงทุนในส่วนอื่น

6. Social Computing
Social Computing (หรือ การประมวลผลทางคอมพิวเตอร์โดยใช้พฤติกรรมต่างๆของสังคมออนไลน์) การพัฒนาทาง Social Computing จะมีปัญหาเล็กน้อยเพราะคนทำงานไม่ต้องการการ Support งานที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างกันสองที่ หนึ่งคืองานปกติของพวกเขา (ไม่ว่าเป็นงานเดี่ยวหรือกลุ่ม) – และงานที่สองคือการเข้าถึงข้อมูลภายนอก (accessing “external” information) แต่อย่างไรก็ตามองค์กรจะต้องโฟกัสที่งานทั้งคู่เพื่อที่จะใช้ Social Software และ Social Media เพื่อที่จะประกอบและสื่อสารกับผู้สนับสนุนภายนอกรวมทั้ง public community อย่าลืมต้องสร้าง Social Profile เพื่อที่จะดึง Community มารวมกัน

7. Security – Activity Monitoring
โดยทั่วไป Security จะมุ่งไปที่การหา parameter ในการยอมให้สิ่งหนึ่งเข้า และไม่ยอมให้อีกสิ่งหนึ่งเข้ามา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่คือการ พิจารณา activities และแยก pattern ที่เคยผิดพลาดหรือหลุดมาแล้วในอดีต มืออาชีพด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้พบกับความท้าทายในการตรวจจับกิจกรรมที่อยู่ในกระแสข้อมูลที่สม่ำเสมอโดยอาจมาจากผู้ใช้ที่ได้รับการรับรองแล้วและสร้างขึ้นผ่านมาจาก Network หลายที่หลายระบบ ในขณะเดียวกับ แผนก Security ก็พบกับ log analysis ที่ใหญ่ขึ้นมาก และยังมีงานที่ต้องรายงานตามข้อกำหนดของ support audit สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเทคโนโลยีครบชุดหลายตัวที่มารวมกัน ทั้งตัวที่สามารถ monitoring และเครื่องมือวิเคราะห์จะช่วยให้องค์กรสามารถที่จะตรวจจับและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เสี่ยงได้ดีขึ้นมาก –บางครั้งมาพร้อมกับระบบการแจ้งเตือน Real time หรือตัด transaction องค์กรจะใช้เครื่องมือได้ดีและผ่านการ audit ได้ง่ายขึ้นเมื่อเข้าใจจุดอ่อนจุดแข็งของมัน

8. Flash Memory
หน่วยความจำแบบ Flash ไม่ใช่ของใหม่ แต่มันได้พัฒนาจนเป็นทางเลือกใหม่ของการบันทึกข้อมูลไปแล้ว ตัวจุข้อมูลคือ semiconductor memory device,ที่เราคุ้นเคยกับ USB memory sticks และการ์ดในกล้องดิจิตอล ในขณะนี้มันส่งผ่านข้อมูลได้เร็วกว่าอุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบหมุนไปแล้ว แต่ก็มีราคาสูงกว่า แต่เมื่อผ่านช่วง Technology Curve ของราคาที่สูงไปแล้ว การเติบโตแน่นอนว่าจะมากระดับ 100% ต่อปีในช่วงต่อจากนี้ไม่นาน และจะกลายเป็นมาตรฐานสร้างความได้เปรียบของผู้ผลิต Consumer Device ที่พัฒนาก่อน นอกจากนั้นยังส่งผลต่ออุปกรณ์ด้าน entertainment และ embedded IT system อื่นๆ สำหรับองค์กรในระยะไม่กี่ปีจะได้เห็นการจัดระเบียบ Server และ Client แบบใหม่โดยจะได้รับความได้เปรียบด้านการใช้พื้นที่ ความร้อน ประสิทธิภาพและ ความทนทาน

9. Virtualization for Availability
Virtualization ถือเป็น top strategic technologies มาสองสามปีและปีนี้ก็ยังติดอันดับอยู่เพราะมีการเกิดขึ้นของหน่วยย่อยหลายตัวเช่น live migration ซึ่งคือการทำงานของ virtual machine (VM) ในขณะที่ระบบปฎิบัติการและ Software อื่นยังคงทำงานเป็นปกติตราบเท่าที่ยังเหลือความเป็น physical server อยู่ โดยเกิดจากการใช้ physical memory ระหว่าง source กับ destination VMs เช่น ณ ขณะเวลาหนึ่งมี การ execution บน source machine เรียบร้อยแล้วและ instruction ถัดไปก็เริ่มต้นที่ destination machine เมื่อเกิดเหตุการณ์ในกรณีที่ Source VM เกิด fail ก็สามารถส่งต่อให้ Destination VM ได้ และถ้า fail ทั้งคู่ก็สามารถเลือก VM เพื่อมาเริ่มต้น sessionใหม่ได้ จุดที่มีผลต่อหัวข้อนี้คือเราสามารถเลือก high-reliability hardware ที่ราคาสูงกับ software ที่ fail ง่ายหรือแม้แต่ใช้ hardware ที่ผิดพลาดได้บ้างมาใช้ได้ และยังให้ผลที่เชื่อถือได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการลดต้นทุน และลดความซับซ้อนอย่างแท้จริง

10. Mobile Applications
ภายในสิ้นปี 2010 คนจำนวน 1.2 พันล้านคนจะมีอุปกรณ์มือถือที่มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ Mobile ที่เข้มข้นและเว็บไซต์ที่ตอบสนองการใช้งานดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ในขณะนี้มี applications จำนวนมากใน platforms เช่น Apple iPhone ทั้งๆที่การทำการตลาดลักษณะจำกัดและยังต้องการการเขียน code เฉพาะทาง อาจจะมีอะไรที่ใหม่ที่สร้างมายืดหยุ่นกว่าในการทำงานทั้งแบบเต็มที่ (full PC) หรือแบบเล็กๆ แต่ถ้าระบบปฎิบัติการและสภาปัตยกรรมของตัวประมวลผลไปในทิศทางเดียวเมื่อไหร่ จะทำให้เกิด facter ของการเปลี่ยนผ่านครั้งมโหฬารขึ้นมาทันที

list เทคโนโลยีที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นจุดเริ่มต้นที่บริษัทต่างๆควรเลือกเพื่อที่จะปรับเข้ากับอุตสาหกรรมที่ทำการอยู่ ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างแต่ก็ควรปรับองค์กรให้อยู่ในโหมดหร้อมปรับตัว และเมื่อทราบแล้วว่าต้องปรับตัวตามเทคโนโลยีใดก็ให้พิจารณาวิธีการว่าจะทดลองใช้ก่อนหรือจะวางแผนปรับปรุงแบบ Aggressive

ที่มา :http://www.ipattt.com

CPE17 Autorun Killer v 1.8.0 build 1405 | ดักจับไวรัส USB เวอชั่นใหม่ !

ออกใหม่แล้ว หลังจากห่างหายไปนาน
กับ CPE17 Autorun Killer ตอนนี้ก็ออกใหม่ได้
ถึงเวอชั่น 1.8.0 build 1405 แล้ว ซึ่งผมติดตามมาตั้งแต่เวอชั่นต้นๆแล้ว
คุณสมบัติิพิเศษของมันก็คือ สามารถดักจับพวกออโตรัน จากแฮนดี้ไดรว์ได้อยู่หมัด
จากที่ผมสังเกตุดู ที่เพื่อนๆเอาคอมมาให้ล้างไวรัส 95% แล้วโดนพวกออโต้รันนี่แหล่ะ

CPE17 Autorun Killer (AntiAutorun) v.1.8.0 build 1405
Copyright by Nathaphon K. (chackco)



Program Feature
-โปรแกรม นี้สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของไวรัสที่ใช้ Flash หรือ Thumb drive หรือ เป็นหลัก ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับ antivirus software
- ป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุ โดยบล็อกการทำงานของ autorun จากทุกทาง ทั้ง ไดรฟ์ถอดเปลี่ยนได้ทุกแบบ ไดรฟ์ CD/DVD หรือ เน็ตเวิร์กไดรฟ์ก็ตาม
- โปรแกรมเขียนขึ้นด้วยภาษา C++ แท้ มีขนาดเล็ก ~0.1MB ทำงานรวดเร็ว
- ไม่กินทรัพยากรมากนัก สามารถใช้ได้แม้แต่เครื่องที่ความเร็วช้าก็ตาม
- ดับเบิ้ลคลิกเพียงครั้งเดียว โปรแกรมก็พร้อมจะทำงานทันที ไม่ต้องติดตั้งให้เสียเวลา
- สามารถเปลี่ยนแปลง option ได้โดย เลือกให้ลบอัตโนมัติ หรือถามก่อนทุกครั้ง, มีเสียงเตือนหรือไม่, แสดงหน้าจอผลลัพธ์หรือไม่, จะตรวจ CD/DVD หรือไม่
- โปรแกรมสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ถูกไวรัสปิดทิ้งไป ทั้ง regedit, taskmanager, folder option,cmd,find และการกระทำต่างๆ รวมทั้ง title bar ของ ie
- แก้ hacked by … ได้ด้วย
- ปิด auto run แบบ ถาวร อัตโนมัติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
- ป้องกันแบบถาวร ไม่ต้องอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสบ่อยๆ
- เพิ่มการทำงานพิเศษ สำหรับเครื่องที่ติดไวรัสไปแล้ว โดยมีฟังก์ชันพยายามฆ่าไวรัส โดยอัตโนมัติ
- สามารถตั้งให้ตรวจสอบ และลบไฟล์ที่เป็นรูปแบบของไวรัส เช่น ชื่อเดียวกับโฟลเดอร์ หรือไวรัสที่ copy ตัวเองซ้ำ โดยอัตโนมัติได้
- เพิ่มคุณสมบัติพิเศษ kill process ไวรัสในเครื่องได้เอง ผ่านเมนู kill process in memory
- ใช้เป็นตัวเปิด/ปิด ถาด CD/DVD ได้ด้วย
- ใช้ได้กับ Windows 95/98/ME/NT/2000/XP/Vista (สำหรับ vista กรุณารันด้วยสิทธิ administrator ถ้าต้องการเช็ก HDD)

v.1.8.0 build 1400 แก้ไข Bug กรณี เปิดใช้งาน advance scan ใน option แล้ว สั่งรันแบบ advance จากเมนูกลายเป็นโหมดปกติ
-แก้ไข เปลี่ยนระบบการตรวจจับไดรฟ์ flash ใหม่ทั้งหมด
-เพิ่ม เติม option ให้เปิดปิด การป้องกัน DOS PIF Virus ที่ใช้ช่องโหว่ทาง MSN ในการรันตัวเอง (ถ้าต้องการใช้ .pif ซึ่งเป็น shortcut ให้ปิด option นี้ จะรันได้ปกติ)
v.1.8.0 build 1405 แก้ไข bug เรื่อง drive A ติดตลอด

สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่
http://9tanaimg.googlepages.com/CPE17AntiAutorun1405.rar

ที่มา :http://www.oknation.net

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไซแมนเทคเตือนผู้เล่นเฟซบุ๊ค



รายงานเฉพาะกิจของไซแมนเทค
ไซแมนเทคเตือนผู้เล่นเฟซบุ๊ค ระวังโดนหลอกให้เปลี่ยนพาสเวิร์ด แต่ได้โทรจันมาแทน

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สแปมเมอร์พุ่งเป้ามาที่เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ คที่ดูน่าเชื่อถือ เพื่อล่อลวงเหยื่อที่ไม่ทันระวังตัว ซึ่งครั้งนี้เป็นคราวของเฟซบุ๊คนั่นเอง ฝ่ายปฏิบัติการตอบสนองภัยคุกคามของไซแมนเทคพบว่าสแปมเมอร์อาศัยความนิยมของ เฟสบุ๊คมาเป็นช่องทางในการปล่อยไวรัส Trojan.Bredolab ซึ่งเป็นไวรัสประเภทโทรจันที่แพร่กระจายไปสู่วง กว้างอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โทรจันตัวนี้มีความสามารถในการโหลดแอพลิเคชันขโมยรหัสผ่านบอท รูทคิท และโปรแกรมหลอกลวงต่างๆ เข้าสู่ระบบ

สแปมเมอร์ทำการหลอกลวงผู้ใช้ด้วยการส่งอีเมลแจ้งเตือนเกี่ยวกับความผิด พลาดเรื่องของรหัสผ่านในการเข้าเฟสบุ๊ค โดยโน้มน้าวให้ผู้รับทำการเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ โดยให้เข้าไปที่ zip ไฟล์ ที่แนบมาเพื่อดูรหัสใหม่ ซึ่งใน zip ไฟล์ ที่ว่าจะแฝงไวรัส Trojan.Bredolab มาด้วย ตามตัวอย่างอีเมลด้านล่าง



ไซแมนเทค ได้แนะนำการป้องกันภัยจากการถูกโจมตีในลักษณะนี้ ได้แก่

* ก่อนจะคลิกเข้าไปที่ไหนก็ตามให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาคลิกลิงค์ที่ไม่ทราบที่มา
* ควรจำไว้เสมอว่าห้ามทำการโต้ตอบกับอีเมล์ขยะ เพราะการตอบรับจะยิ่งทำให้สแปมเมอร์รู้ว่าอีเมล์ขยะที่ส่งหว่านออกไปมีผู้ รับที่แท้จริง จะทำให้ได้รับอีเมล์ขยะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการคลิกลิงค์ในอีเมล์ขยะเพื่อปฏิเสธการรับข้อความ จะยิ่งเป็นการยืนยันกับสแปมเมอร์ว่ามีคนเปิดอ่านอีเมล์ขยะ ควรลบอีกเมล์ขยะที่น่าสงสัยในทันทีโดยไม่ต้องเปิดอ่าน
* มีอีเมล์เอาไว้ใช้หลายอันสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ โดยมีหนึ่งอีเมล์เอาไว้สำหรับใช้งานส่วนตัว เช่น ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง มีอีเมล์อีกหนึ่งอันเอาไว้รับข่าวสารต่างๆ และอีกหนึ่งอันเอาไว้สั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ต
* ระวังให้ดีก่อนที่จะกรอกอีเมล์แอดเดรสของคุณลงในเว็บ เพราะอีเมลของคุณที่โชว์อยู่บนเว็บเพจเหล่านี้สามารถถูกอ่านได้ด้วยโปรแกรม บอทที่ทำหน้าที่คอยเก็บสะสมอีเมลตามเว็บเพจต่างๆ
* ติดตั้งระบบป้องกัน และต้องมั่นใจว่าโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยที่คุณใช้นั้นมีการอัพเดทอยู่ตลอด เพื่อช่วยป้องกันอีเมล์ขยะและไวรัสได้ ในขณะที่คุณสามารถรับอีเมล์อื่นได้ตามปกติ ซึ่งคุณอาจเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอย่าง Norton Internet Security 2010 โดยสามารถเข้าไปดูบริการด้านความปลอดภัยของเว็บ เช่น Norton Safe Web ที่เป็นชุมชนของบรรดาคนใช้เว็บที่ช่วยกันรายงานเรื่องของเว็บไซต์อันตรายที่ มีฟิชชิ่งและซอฟต์แวร์อันตรายทำงานอยู่

ที่มา:ไซแมนเทค ได้แนะนำการป้องกันภัยจากการถูกโจมตีในลักษณะนี้ ได้แก่

* ก่อนจะคลิกเข้าไปที่ไหนก็ตามให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาคลิกลิงค์ที่ไม่ทราบที่มา
* ควรจำไว้เสมอว่าห้ามทำการโต้ตอบกับอีเมล์ขยะ เพราะการตอบรับจะยิ่งทำให้สแปมเมอร์รู้ว่าอีเมล์ขยะที่ส่งหว่านออกไปมีผู้ รับที่แท้จริง จะทำให้ได้รับอีเมล์ขยะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการคลิกลิงค์ในอีเมล์ขยะเพื่อปฏิเสธการรับข้อความ จะยิ่งเป็นการยืนยันกับสแปมเมอร์ว่ามีคนเปิดอ่านอีเมล์ขยะ ควรลบอีกเมล์ขยะที่น่าสงสัยในทันทีโดยไม่ต้องเปิดอ่าน
* มีอีเมล์เอาไว้ใช้หลายอันสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ โดยมีหนึ่งอีเมล์เอาไว้สำหรับใช้งานส่วนตัว เช่น ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง มีอีเมล์อีกหนึ่งอันเอาไว้รับข่าวสารต่างๆ และอีกหนึ่งอันเอาไว้สั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ต
* ระวังให้ดีก่อนที่จะกรอกอีเมล์แอดเดรสของคุณลงในเว็บ เพราะอีเมลของคุณที่โชว์อยู่บนเว็บเพจเหล่านี้สามารถถูกอ่านได้ด้วยโปรแกรม บอทที่ทำหน้าที่คอยเก็บสะสมอีเมลตามเว็บเพจต่างๆ
* ติดตั้งระบบป้องกัน และต้องมั่นใจว่าโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยที่คุณใช้นั้นมีการอัพเดทอยู่ตลอด เพื่อช่วยป้องกันอีเมล์ขยะและไวรัสได้ ในขณะที่คุณสามารถรับอีเมล์อื่นได้ตามปกติ ซึ่งคุณอาจเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอย่าง Norton Internet Security 2010 โดยสามารถเข้าไปดูบริการด้านความปลอดภัยของเว็บ เช่น Norton Safe Web ที่เป็นชุมชนของบรรดาคนใช้เว็บที่ช่วยกันรายงานเรื่องของเว็บไซต์อันตรายที่ มีฟิชชิ่งและซอฟต์แวร์อันตรายทำงานอยู่
ไซแมนเทค ได้แนะนำการป้องกันภัยจากการถูกโจมตีในลักษณะนี้ ได้แก่

* ก่อนจะคลิกเข้าไปที่ไหนก็ตามให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาคลิกลิงค์ที่ไม่ทราบที่มา
* ควรจำไว้เสมอว่าห้ามทำการโต้ตอบกับอีเมล์ขยะ เพราะการตอบรับจะยิ่งทำให้สแปมเมอร์รู้ว่าอีเมล์ขยะที่ส่งหว่านออกไปมีผู้ รับที่แท้จริง จะทำให้ได้รับอีเมล์ขยะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการคลิกลิงค์ในอีเมล์ขยะเพื่อปฏิเสธการรับข้อความ จะยิ่งเป็นการยืนยันกับสแปมเมอร์ว่ามีคนเปิดอ่านอีเมล์ขยะ ควรลบอีกเมล์ขยะที่น่าสงสัยในทันทีโดยไม่ต้องเปิดอ่าน
* มีอีเมล์เอาไว้ใช้หลายอันสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ โดยมีหนึ่งอีเมล์เอาไว้สำหรับใช้งานส่วนตัว เช่น ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง มีอีเมล์อีกหนึ่งอันเอาไว้รับข่าวสารต่างๆ และอีกหนึ่งอันเอาไว้สั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ต
* ระวังให้ดีก่อนที่จะกรอกอีเมล์แอดเดรสของคุณลงในเว็บ เพราะอีเมลของคุณที่โชว์อยู่บนเว็บเพจเหล่านี้สามารถถูกอ่านได้ด้วยโปรแกรม บอทที่ทำหน้าที่คอยเก็บสะสมอีเมลตามเว็บเพจต่างๆ
* ติดตั้งระบบป้องกัน และต้องมั่นใจว่าโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยที่คุณใช้นั้นมีการอัพเดทอยู่ตลอด เพื่อช่วยป้องกันอีเมล์ขยะและไวรัสได้ ในขณะที่คุณสามารถรับอีเมล์อื่นได้ตามปกติ ซึ่งคุณอาจเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอย่าง Norton Internet Security 2010 โดยสามารถเข้าไปดูบริการด้านความปลอดภัยของเว็บ เช่น Norton Safe Web ที่เป็นชุมชนของบรรดาคนใช้เว็บที่ช่วยกันรายงานเรื่องของเว็บไซต์อันตรายที่ มีฟิชชิ่งและซอฟต์แวร์อันตรายทำงานอยู่
ไซแมนเทค ได้แนะนำการป้องกันภัยจากการถูกโจมตีในลักษณะนี้ ได้แก่

* ก่อนจะคลิกเข้าไปที่ไหนก็ตามให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาคลิกลิงค์ที่ไม่ทราบที่มา
* ควรจำไว้เสมอว่าห้ามทำการโต้ตอบกับอีเมล์ขยะ เพราะการตอบรับจะยิ่งทำให้สแปมเมอร์รู้ว่าอีเมล์ขยะที่ส่งหว่านออกไปมีผู้ รับที่แท้จริง จะทำให้ได้รับอีเมล์ขยะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการคลิกลิงค์ในอีเมล์ขยะเพื่อปฏิเสธการรับข้อความ จะยิ่งเป็นการยืนยันกับสแปมเมอร์ว่ามีคนเปิดอ่านอีเมล์ขยะ ควรลบอีกเมล์ขยะที่น่าสงสัยในทันทีโดยไม่ต้องเปิดอ่าน
* มีอีเมล์เอาไว้ใช้หลายอันสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ โดยมีหนึ่งอีเมล์เอาไว้สำหรับใช้งานส่วนตัว เช่น ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง มีอีเมล์อีกหนึ่งอันเอาไว้รับข่าวสารต่างๆ และอีกหนึ่งอันเอาไว้สั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ต
* ระวังให้ดีก่อนที่จะกรอกอีเมล์แอดเดรสของคุณลงในเว็บ เพราะอีเมลของคุณที่โชว์อยู่บนเว็บเพจเหล่านี้สามารถถูกอ่านได้ด้วยโปรแกรม บอทที่ทำหน้าที่คอยเก็บสะสมอีเมลตามเว็บเพจต่างๆ
* ติดตั้งระบบป้องกัน และต้องมั่นใจว่าโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยที่คุณใช้นั้นมีการอัพเดทอยู่ตลอด เพื่อช่วยป้องกันอีเมล์ขยะและไวรัสได้ ในขณะที่คุณสามารถรับอีเมล์อื่นได้ตามปกติ ซึ่งคุณอาจเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอย่าง Norton Internet Security 2010 โดยสามารถเข้าไปดูบริการด้านความปลอดภัยของเว็บ เช่น Norton Safe Web ที่เป็นชุมชนของบรรดาคนใช้เว็บที่ช่วยกันรายงานเรื่องของเว็บไซต์อันตรายที่ มีฟิชชิ่งและซอฟต์แวร์อันตรายทำงานอยู่


ที่มา:http://www.dplusmag.com

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เปลี่ยนไอโฟนเป็นรีโมทครอบจักรวาล

แม้จะมีรีโมทครอบจักรวาล (universal remote) สำหรับใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องพักผ่อนของคุณแล้วก็ตาม แต่ถ้าหากไม่รู้ว่าไปหลงลืมวางรีโมทไว้ที่ไหนในบ้านล่ะก็...เป็นเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ และก็คงไม่มีใครพกรีโมทติดตัวตลอดเวลาเหมือนไอโฟน (iPhone) ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทำไมเราไม่ทำให้ไอโฟนเป็นรีโมทครอบจักรวาลไปเสียเลยล่ะ นอกจากจะแก้ปัญหาข้างต้นแล้ว มันยังใช้ง่ายอีกด้วย

หลังจากที่บริษัท ThinkFlood ได้ทดสอบ RedEye อุปกรณ์เสริมที่ทำให้ไอโฟนกลายเป็นรีโมทครอบจักรวาลนานอยู่หลายเดือน ล่าสุดทางบริษัทเริ่มจำหน่ายเจ้าอุปกรณ์เสริมที่ว่านี้แล้ว โดยผู้ใช้สามารถควบคุม RedEye Docking (Universal Remote) ด้วยแอพพลิเคชันบนไอโฟน ซึ่งเชื่อมต่อการทำงานแบบไร้สาย Wi-Fi เพื่อสั่งให้ส่งสัญญาณอินฟราเรดไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในห้องได้นั่นเอง (ThinkFlood เรียกแนวคิดของการออกแบบนี้ว่า Wi-Fi to Infrared)



RedEye จะทำให้คุณสามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ภายในห้องพักผ่อน หรือห้องต่างๆ ภ่ายในบ้านได้ด้วยไอโฟน โดยคุณไม่ต้องเดินไปที่ห้องนั้นก็ได้ เช่น สั่งปิด หรือเบาเสียงทีวีในห้องลูกจากห้องนอนของคุณ เนื่องจาก RedEye จะสื่อสารกับ iPhone ของคุณผ่านทาง Wi-Fi นั่นเอง เพียงแค่ใช้นิ้วสัมผัสเลือกตำแหน่งของ RedEye ที่เชื่อมต่ออยู่ตามห้องต่างๆ จากนั้นเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการควบคุม นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถรวมกลุ่มคำสั่งควบคุมเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อสั่งการให้ทำงาน หรือปิดภายในปุ่มเดียวได้อีกด้วย อะไรจะสะดวกขนาดนั้น



ชุดอุปกรณ์เสริม RedEye จะสามารถใช้งานได้กับ iPhone หรือ iPod Touch ฟังดูน่าใช้งานดีใช่ไหมครับ แต่เดี๋ยวก่อน เพราะคุณอาจเปลี่ยนใจเมื่อได้ยินราคาของมันก็ได้ สนนราคาของชุดคิท RedEye อยู่ที่ 188 เหรียญฯ หรือประมาณ 6,500 บาท

ที่มา:http://www.arip.co.th

แฮคเกอร์แก้"แอคติเวท" Win7 ได้แล้ว



รายงานข่าวล่าสุด แฮคเกอร์ (Hacker) ค้นพบวิธีที่จะกระโดดข้ามขั้นตอนการป้อนคีย์แอคติเวท (activation) ที่ใช้สำหรับกระตุ้นให้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ของแท้สามารถทำงานได้ตลอดไปแล้ว ดูเหมือนเหตุการณ์เดิมๆ จะกลับมาให้ไมโครซอฟท์ต้องเจ็บกระดองใจอีกแล้ว!!!



ปกติผู้ใช้จะต้องกระตุ้น (activate) การทำงานของ Windows 7 ภายใน 30 วัน แต่ด้วยวิธีที่แฮคเกอร์ค้นพบจะสามารถกระโดดข้ามกลไกการกระตุ้นการทำงานดังกล่าว โดย Windows 7 จะไม่ร้องขอให้ผู้ใช้ต้องยืนยันชุดก็อปปี้ว่าเป็นของแท้ ในขณะที่ยังคงสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้โดยไร้ข้อจำกัด


ไมโครซอฟท์ยืนยันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทได้รับรู้ถึงเทคนิคดังกล่าวแล้ว โดยกล่าวว่า มันเป็นการปิดกั้นการทำงานของขั้นตอนการแอคติเวท "เรารับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างตรวจสอบ" ตัวแทนไมโครซอฟท์กล่าว พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้บริโภคใช้ซอฟต์แวร์ของแท้เท่านั้น โดยเตือนว่า ซอฟต์แวร์เถื่อนมักจะมาพร้อมกับมัลแวร์ และภัยคุกคามต่างๆ ซึ่งก็เหมือนทุกครั้งที่นิทานคลาสสิกเรื่องแมวจับหนูระหว่างไมโครซอฟท์กับแฮคเกอร์ที่พยายามจะหาทางไม่จ่ายตังค์ เพื่อให้ได้ใช้ซอฟต์แวร์ฟรี

ที่มา:http://www.arip.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Motorola เปิดตัว DROID แล้ว

การกลับมาของ Motorola ที่ฝากความหวังไว้กับ Android ล้วนๆ ได้เริ่มเข้มข้นมากขึ้นแล้วครับ โดยวันนี้ Motorola นั้นได้เปิดตัวโทรศัพท์ "DROID by Motorola" ที่มีคุณสมบัติตามที่คาดไว้ ทบทวนกันอีกทีคือ

•เป็นโทรศัพท์ตัวแรกที่ใช้ Android 2.0
•หน้าจอ 3.7" 480x854 WVGA พร้อมระบบสัมผัสแบบ capacitative พร้อมมีคีย์บอร์ดแบบ QWERTY
•กล้อง 5 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส และแฟลชแบบ LED สองดวง สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 720x480 ที่ 24 เฟรมต่อวินาที
•GPS (ใช้โปรแกรมนำทาง Google Maps Navigation)
•WiFi, Bluetooth
•หน่วยความจำ 16 GB เพิ่ม microSD ได้อีก 32 GB
•ขนาด 60x115.8x13.7 มม. น้ำหนัก 169 กรัม
•แบตเตอรี่ 1400 mAh ใช้ได้นาน 11 วัน คุยได้ต่อเนื่องนาน 6.4 ชม.
จำหน่ายจริงวันที่ 6 พฤศจิกายน สนนราคา 199.99 ดอลลาร์สหรัฐหลังหักส่วนลด มาพร้อมสัญญา 2 ปี โดยมีเฉพาะเครือข่าย Verizon ซึ่งเป็นระบบ CDMA (ตัวเครื่องนั้นใช้ความถี่ 800/1900 EVDO rev.A) สำหรับระบบ GSM นั้นคงต้องดูรูปรอไปพลางๆ ก่อนนะครับ





ที่มา:www.blognone.com

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ASUS Bravo 9500 การ์ดจอพร้อมรีโมต USB



ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ในตอนนี้นั้นถือได้ว่าสามารถที่จะใช้งานได้มากมายหลายรูปแบบ นอนกจากนี้อุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ยังมีการสนับสนุนในการต่อเชื่อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอย่างจอภาพแบบ LCD TV และชุดเครื่องเสียงสำหรับชมภาพยนตร์ ซึ่งจะเห็นว่าหลายๆ คนนั้นประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์มาเพื่อใช้งานแบบนี้โดยเฉพาะกันเลยทีเดียว


หลายๆ คนนิยมที่จะชมภาพยนตร์ในรูปแบบของของไฟล์ที่ดึงมากจากแผ่น CD DVD และ Blu-ray มาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อได้เปรียบของเครื่องคอมพิวเตอร์ก็อยู่ที่การที่มี Harddisk ที่สามารถจะเก็บข้อมูลได้มากๆ และตอนนี้ราคาของ Harddisk ที่มีขนาดความจุมากๆ ราคาก็ไม่แพงจึงทำให้สามารถที่จะซื้อมาต่อเพิ่มเติมได้มากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้กราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ๆ ยังรองรับการใช้งานพอร์ตแบบ HDMI ที่สามารถจะต่อเชื่อมกับจอภาพแบบ LCD TV ได้ทันที ทั้งภาพและเสียงที่คมชัด และในตอนนี้ทาง ASUS เองก็ได้มีกราฟิกการ์ดที่จะช่วยให้การต่อเชื่อมจอภาพ LCD TV กับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่าย และไม่แพง

กับการ์ด ASUS Bravo 9500 ที่นำเอาชิป GeForce 9500 GT มาใช้งาน โดยที่ตัวชิปจะมีความเร็ว Core Clock ที่ 550MHz มีจำนวน Streaming Processor อยู่ 32unit หน่วยความจำที่ให้มานั้นเป็นหน่วยความจำแบบ DDR II 128bit ขนาด 512MB ของ Samsung ที่มีความเร็ว Memory Clock อยู่ที่ 400MHz ระบบระบายความร้อนของการ์ดนั้นทำออกมาให้ดูดีมากกว่าเดิมด้วยการทำฝาครอบโดยมีฮีตซิงค์ และพัดลมระบายความร้อนขนาดเล็กช่วยลดความร้อนให้ตัวการ์ด เนื่องจากการ์ดตัวนี้ออกแบบมาให้สามารถต่อเชื่อมกับจอภาพ LCD TV จึงมีการนำเอาช่องต่อเชื่อมแบบ HDMI มาให้ด้วย ซึ่งสามารถจะต่อเชื่อมกับสายสัญญาณเสียงบนเมนบอร์ดได้โดยตรงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีรีโมตคอนโทรน และตัวรับสัญญาณแบบ USB พร้อมโปรแกรมมาให้ใช้งาน ในการควบคุมการใช้งานระยะไกล โดยที่ตัวโปรแกรมนั้นสามารถที่จะควบคุมการปิด/ปิดไฟล์ ภาพยนตร์ เพลง และรูปภาพได้โดยตรงจากการควบคุมของรีโมตคอนโทรนที่ให้มาซึ่งสะดวกสบายเป็นอย่างมาก









สรุปผลการทดสอบ
สำหรับการ์ดตัว ASUS Bravo 9500 นั้นจากรูปแบบในการนำเสนอของผู้ผลิตแล้วเหมาะสมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เน้นไปทางด้านการชมภาพยนตร์เป็นหลัก นอกจากนี้ยังสามารถที่จะนำไปต่อกับจอภาพแบบ LCD TV แบบ Full HD ได้อีกด้วย เพราะตัวโปรแกรมที่ทาง ASUS ให้มานั้นสามารถที่จะทำการปรับความละเอียดภาพเมื่อต่อเชื่อมด้วยพอร์ต HDMI ได้ที่ 720p และ 1080p ได้ง่าย ด้วยการปรับแต่งผ่านโปรแกรมที่ให้มา นอกจากนี้ยังสามารถที่จะทำการปรับ และเลือกเล่นไฟล์ต่างๆ ผ่านทางรีโมตที่ให้มาได้อีกด้วย ทำให้สามารถที่จะควบคุมการแสดงภาพในระยะไกลได้อย่างสบายๆ ในส่วนของการใช้งานทางด้าน 3มิติ หรือนำเอามาเล่นเกมนั้น กราฟิกการ์ดตัวนี้ใช้ชิป GeForce 9500 GT ซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ดีในระดับหนึ่งสามารถที่จะเล่นเกมออนไลน์ หรือเกมที่ไม่ใช้การประมวลผลกราฟิกสูงได้ราบรื่นที่ความละเอียดไม่สูงมาก หากใครที่กำลังจะประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับต่อจอภาพ LCD TV เพื่อชมภาพยนตร์แล้วการ์ดตัวนี้น่าสนใจเป็นอย่างมากเลย

ที่มา:www.quickpcextreme.com

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เอเซอร์ ประกาศขึ้นแท่นอันดับ 2 ของโลก รุกฆาตไตรมาส 4 ครองความเป็นหนึ่ง


บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับ 1 ในประเทศไทย ประกาศขึ้นแท่นอันดับ 2 ของโลก เปิดฉากยกทัพผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก รุกตลาดไตรมาส 4 เต็มพิกัด พร้อมนวัตกรรมใหม่ให้คุณได้เลือกก่อนใคร นำทีมความแรงด้วย “Ferrari One” รองรับ 3G พร้อมดีไซน์สปอร์ตกับบอดี้สีแดงเพลิง “Aspire 3D” โน้ตบุ๊กเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอ 3 มิติ เพื่อการเข้าถึงอรรถรสแห่งจินตนาการได้อย่างสมจริง พร้อมโน้ตบุ๊ก “Multi Touch Screen” นวัตกรรมที่ช่วยให้คุณสั่งงานได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และ Intel Core i7 โน้ตบุ๊กใหม่ล่าสุด พร้อมตะลึงกับเน็ตบุ๊ก รุ่นใหม่ที่จับ 2 OS มาไว้ในเครื่องเดียว



นายบุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เราได้เตรียมผลิตภัณฑ์ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมที่หลากหลาย ทั้งเทคโนโลยี 3G, 3D, ทัชสกรีน และ Intel Core i7 โดยส่งโน้ตบุ๊ก “Ferrari One” ที่รองรับการเชื่อมต่อระบบ 3G โดยสามารถใช้ได้กับโอเปอเรเตอร์ทุกค่าย ด้วยขนาด 11.6 นิ้ว บางเฉียบเพียง 1 นิ้ว น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม บอดี้สีแดงเพลิงพร้อมประทับตราม้าผยอง เฟอร์รารี่ และสมรรถณะอันทรงพลังด้วยรอบจัดความแรงของเทคโนโลยี AMD Vision

สำหรับโน้ตบุ๊ก 3D ตัวแรกของโลก ที่เอเซอร์นำมาเปิดตัวในประเทศไทย คือรุ่น “Aspire 5738DG” หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว สามารถแสดงภาพ 3 มิติ ทั้ง รูปภาพ หนัง และเกมส์ ด้วยเทคโนโลยี Acer CineReal 3D Solution ให้คุณชมภาพได้อย่างเข้าถึงและสมจริงเหมือนนั่งอยู่ในเหตุการณ์ มาพร้อมกับซอฟต์แวร์อัจฉริยะ TriDef 3D Experience ที่สามารถคอนเวิร์ดรูปภาพ หนัง หรือเกม ที่เป็นแบบ 2 มิติ ให้สามารถเป็นภาพ 3 มิติได้ทันที โดยสามารถดูผ่านแว่นตาที่จัดมาพร้อมกับตัวเครื่อง และคุณภาพเสียงคมชัดด้วยระบบ Dolby Home Theater

พร้อมพบกับโน้ตบุ๊กที่ปฏิวัติรูปแบบการใช้งานด้วย “Aspire 5738PG” มัลติ ทัช สกรีน หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ที่ทำให้คุณใช้งานบนหน้าจอได้เสมือนโต๊ะทำงานเพียงปลายนิ้วสัมผัสบนหน้าจอ โดยไม่ต้องพึ่งเมาส์หรือคีย์บอร์ดอีกต่อไป พร้อมฟังก์ชั่นพิเศษสำหรับเมนูการสั่งงานทั้งภาพ เสียง และเล่นเกม ได้อย่างรวดเร็วด้วย Acer TouchPortal ซอฟต์แวร์ที่เอเซอร์พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับโน้ตบุ๊กทัชสกรีนโดยเฉพาะ

และสุดล้ำไปกับ Intel Core i7 เทคโนโลยีซีพียูล่าสุดกับประสิทธิภาพดีที่สุดวันนี้ ในโน้ตบุ๊ก “Aspire 5940G” หน้าจอขนาด 15.6 นิ้วแบบ Frameless ซึ่งนวัตกรรมสุดล่ำทั้งหมดมาพร้อมกับ ระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุด Windows® 7

อีกครั้งกับประสิทธิภาพที่คุณจะได้สัมผัสกับ เน็ตบุ๊ก รุ่นใหม่ล่าสุด ที่รวมเอา 2 ระบบปฏิบัติการมาไว้ในเครื่องเดียว คือ Android และ Windows® 7 ที่คุณสามารถสลับการใช้งานระหว่างระบบปฏิบัติการหนึ่งไปยังอีกระบบฯ ได้โดยไม่ต้องรีบูธเครื่องใหม่แต่อย่างใด โดยหากต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นก็ใช้แพลตฟอร์มของ Android ซึ่งจะใช้เวลาเชื่อมต่อและเปิดการใช้งานออนไลน์ได้เพียง 18 วินาทีเท่านั้น และปิดการทำงานได้รวดเร็วเพียง 3 วินาที และหากต้องการใช้งานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพสูงๆ ก็เพียงเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มของ Windows® 7 ซึ่งเน็ตบุ๊กรุ่นใหม่นี้จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 4 นี้ เราจะใช้กลยุทธ์ “Innovative Technology” ที่นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก เฟอร์รารี่ วัน ที่จัดไว้เป็นคอลเลคชั่น อิดิชั่น เพียง 111 เครื่องเท่านั้น ซึ่งโน้ตบุ๊กรุ่นนี้จะตอบสนองความต้องการของแฟนพันธุ์แท้เฟอร์รารี่ที่ต้องการมีไว้สะสมได้อย่างโดนใจ โดยได้นำเทคโนโลยี AMD Vision มาใส่ไว้ใน เฟอร์รารี่ วัน เป็นเจ้าแรก และสำหรับใครที่ต้องการตัวเลือกในการสลับบรรยากาศระหว่างการทำงาน เราก็มีโน้ตบุ๊ก 3D ที่คุณสามารถดูหนังแผ่น 3 มิติ ได้อย่างสบาย และหากคุณต้องการใช้งานปกติต่อก็สามารถปรับกลับมาในโหมดการทำงานปกติได้ทันที และในขณะที่โน้ตบุ๊กทัชสกรีนเราก็ส่งลงตลาดมาเพื่อตอบโจทย์ของกลุ่มที่ต้องการสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เราได้จัดเตรียมไว้ให้สำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย

เอเซอร์จะวางจำหน่ายโน้ตบุ๊กรุ่นดังกล่าวเป็นครั้งแรกในงาน คอมมาร์ต คอมเทค 2009 ที่บูธเอเซอร์ ในวันที่ 5–8 พ.ย. 2552 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และได้วางแผนทำโปรโมชั่นพิเศษเพื่อลูกค้าจนถึงสิ้นปี พร้อมเตรียมจัดโน้ตบุ๊ก ไทม์ไลน์ และเน็ตบุ๊ก รุ่นใหม่ๆ ออกวางตลาดอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของเอเซอร์จะช่วยกระตุ้นตลาดไอทีให้กลับมาคึกคักในช่วงปลายปีอีกครั้ง พร้อมรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

“ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของไอดีซีและการ์ทเนอร์ ระบุว่าเอเซอร์ขึ้นแท่นผู้นำตลาดคอมพิวเตอร์เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยไอดีซีแจ้งว่ายอดจำหน่ายโน้ตบุ๊กของเอเซอร์พุ่งสูงขึ้น โดยมียอดจำหน่ายทะลุเป้าถึง 10.96 ล้านเครื่อง ซึ่งทำให้มียอดการเติบโตดีที่สุดถึง 25.6 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้เอเซอร์แซงหน้าคู่แข่งขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกได้ ส่วนผลสำรวจจากการ์ทเนอร์ พบว่าเอเซอร์มียอดขายคอมพิวเตอร์ในไตรมาสที่สามถึง 12.5 ล้านเครื่อง ซึ่งในไตรมาสที่สามของปีนี้เติบโตกว่าปีที่แล้วในไตรมาสเดียวกันถึง 23.6 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนแบ่งการตลาด 15.4 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดโลก” นายนิธิพัทธ์ กล่าวสรุป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4311 หรือติดต่อสอบถามด้านเทคนิคที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4355 หรือคลิกไปที่ www.acer.co.th

ที่มา:www.se-ed.com

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แคสเปอร์สกี้แลปเปิดตัวศูนย์บริการ Kaspersky Service Center สู่การเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการครบวงจร


บริษัทไอคอม เทค จำกัด ตัวแทนจำหน่ายแคสเปอร์สกี้ แอนตี้ไวรัส สำหรับตลาดคอนซูมเมอร์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยตั้ง Kaspersky Service Center ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้าแคสเปอร์สกี้ ยกระดับ Service Center ในตลาดแอนตี้ไวรัสเมืองไทย สร้างความแตกต่างเรื่องการบริการหลังการขาย หรือ Local Service เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพอใจสูงสุด

Kaspersky Service Center ครอบคลุมทั้งรูปแบบบริการทางโทรศัพท์ (Call Center), รับบริการที่ศูนย์และให้บริการที่บ้าน (Walk in & On-site) และ บริการจากทางไกล (Remote) ตามความสะดวกของลูกค้าแต่ละราย

บริการทางโทรศัพท์(Call Center) ลูกค้าโทรมาสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และปรึกษาด้านเทคนิค (Technical support) มีทั้งระบบ Call-in และ Call-out พนักงานพร้อมจะโทรกลับทันทีหากไม่สามารถติดต่อได้ ระบบCall Center ของ Kaspersky Service Center จะบันทึกข้อมูลของลูกค้าไว้ เพื่อความสะดวกในการติดต่อครั้งต่อไป พร้อมให้บริการถึง 3 ภาษา ได้แก่ ไทย จีน อังกฤษ

รับบริการที่ศูนย์และให้บริการที่บ้าน (Walk in & Onsite) พนักงานที่เชี่ยวชาญจากKaspersky Service Centerพร้อมให้บริการ ไม่ว่าลูกค้าจะwalk in เข้ามาที่บริษัทหรือให้พนักงานออกไปบริการถึงที่

บริการจากทางไกล(Remote) แก้ปัญหาให้ได้แม้จะอยู่ไกลกัน พนักงานสามารถเข้าไปยังหน้าจอของลูกค้าและแก้ปัญหาให้ได้ทันที ง่ายและสะดวกสำหรับลูกค้าที่ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์

“เรามีจุดหมายที่จะมุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้าน Customer Service Solution ครบวงจร มีมาตรฐานการทำงานเทียบเท่าระดับสากล มีความพร้อมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เทคโนโลยี กระบวนการทำงาน และบุคลากรที่มีรองรับถึง 3 ภาษา พร้อมทั้งด้านการบริการที่ดีเลิศเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ บริษัท ไอคอม เทค เน้นด้านการบริการเป็นหัวใจสำคัญจึงลงทุนนำระบบ CTI (computer-telephony-integration) ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อเทคโนโลยีแบบครบวงจรแบบใหม่ ที่จะนำพาให้service centerของเราเป็นสุดยอดของการให้บริการ ความพิเศษอยู่ตรงที่เวลาลูกค้าโทรเข้ามาจะจัดเก็บประวัติการใช้โปรแกรมและข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าไว้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ถูกต้องและรวดเร็ว” คุณริค เซียว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอม เทค ประเทศไทย กล่าว

คุณริค กล่าวเสริมว่า “นอกจากจะมีการบริการที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังขยายขีดความสามารถและความได้เปรียบทางการแข่งขันเพิ่ม ด้วยผลิตภัณฑ์ต่ออายุ ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของแคสเปอร์สกี้ ในเมืองไทย เพราะมีแค่รายเดียวเท่านั้นที่มีผลิตภัณฑ์การต่ออายุ ซึ่งจะต่ออายุได้ก็ต่อเมื่อใช้สินค้าแบบ Retail Box ที่ลงทะเบียนในไทยอยู่ก่อนแล้ว ผลิตภัณฑ์ต่ออายุมีราคาถูกกว่า Retail Box ประมาณ 40 -50 % (1 License-1 Year) ช่วยให้ลูกค้าแคสเปอร์สกี้ประหยัดเงินในกระเป๋ามากขึ้น”

แจ้งเตือนลูกค้าแคสเปอร์สกี้ระวังสินค้าปลอมแปลง
ประกาศเตือนจากแคสเปอร์สกี้ ปัจจุบัน มีการลงโฆษณาทางเว็บไซต์และทางหน้าร้านที่ประกาศขายสินค้าราคาถูก โดยอ้างว่าเป็นสินค้าของแคสเปอร์สกี้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ผิดกฎหมาย ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้อง ในกรณีที่ซื้อสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ทางบริษัทจะไม่สามารถให้บริการหลังการขายได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าราคาถูก หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Service Center 02-643-2150 วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 – 21.00 น.และวันเสาร์ เวลา 8.00 – 17.00 น.

เกี่ยวกับแคสเปอร์สกี้ แลป
แคสเปอร์สกี้ แลป เป็นผู้นำระดับโลกในด้านซอฟท์แวร์เพื่อการป้องกันข้อมูลจากการคุกคามทางไซเบอร์ทั้งหมด เช่น ไวรัส สปายแวร์ ไคร์มแวร์ แฮกเกอร์ และสแปม ด้วยโซลูชั่นชั้นนำที่มีการตอบสนองต่อการคุกคามทางไซเบอร์ที่เร็วที่สุดในโลก สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ตามบ้าน องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง เลยไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น ผู้นำโซลูชั่นด้านความปลอดภัยหลายแห่งทั่วโลกโลกก็ใช้เทคโนโลยีของแคสเปอร์สกี้ ในผลิตภัณฑ์และบริการของตน รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคสเปอร์สกี้ โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.thaikaspersky.com รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลล่าสุดของซอฟท์แวร์ป้องกันไวรัส ซอฟท์แวร์ป้องกันสปายแวร์ สแปม หรือประเด็นที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านไอทีและแนวโน้มเทคโนโลยี โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต? www.viruslist.com

ที่มา://www.newswit.com

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไซแมนเทคเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Norton 2010 ยกระดับเทคโนโลยีการตรวจจับภัยคุกคาม พร้อมรับมือกับอาชญากรรมออนไลน์

กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
ผลการทดสอบชี้ Norton 2010 เป็นโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ทำงานได้เร็วที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดในโลก[1]

อาชญากรบนระบบออนไลน์ในปัจจุบันพร้อมที่จะโจรกรรมทุกสิ่งที่คุณมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเงิน ข้อมูลตัวตน หรือแม้กระทั่งชื่อดีๆ ของคุณ โดยใช้วิธีที่ซับซ้อนมากขึ้นทุกขณะ ที่จริงแล้ว ในช่วงปี 2551 ไซแมนเทคได้ปิดกั้นการโจมตีด้วยโค้ดแปลกปลอมโดยเฉลี่ยมากกว่า 245 ล้านครั้งทั่วโลกในแต่ละเดือน[2] นอกจากนี้ ยังมีอีเมล์หลอกลวง เว็บไซต์ปลอม และโฆษณาออนไลน์ที่ล่อลวงเหยื่อให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประกันสังคม และหมายเลขบัตรเครดิต จากนั้นอาชญากรเหล่านี้ก็จะขายข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้ประมูลที่ให้ราคาสูงสุดในตลาดมืด ไซแมนเทค (Nasdaq: SYMC) ตระหนักว่าอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ถือเป็นอาชญากรรมที่แท้จริง และนั่นคือเหตุผลที่ไซแมนเทค ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ด้านระบบรักษาความปลอดภัย Norton นำเสนอแนวทางที่แตกต่างและครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับการรักษาความปลอดภัยบนระบบออนไลน์ด้วย Norton 2010

เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้การตรวจสอบประวัติ ภายใต้โค้ดเนม Quorum
Norton Internet Security 2010 และ Norton AntiVirus 2010 ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยรูปแบบใหม่ ภายใต้โค้ดเนม Quorum เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการตรวจจับมัลแวร์ (Malware) ใหม่ๆ เพิ่มเติมจากการตรวจจับแบบเก่าโดยใช้วิธีตรวจสอบฐานข้อมูลไวรัส (Signature) และพฤติกรรมการใช้ทำงาน (Behavior) กล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงก็คือ Quorum ใช้อาวุธที่ดีที่สุดที่อาชญากรไซเบอร์ใช้อยู่ นั่นคือ ความสามารถในการสร้างมัลแวร์แต่ละชุดที่แตกต่างกันได้อย่างรวดเร็ว และปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นอาวุธสำหรับตอบโต้กลุ่มอาชญากรไซเบอร์แทน

ปัจจุบัน อาชญากรไซเบอร์เขียนมัลแวร์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เล็ดลอดการตรวจจับด้วยฐานข้อมูลภัยคุกคามให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยเทคโนโลยี Quorum ทำให้เราสามารถระบุมัลแวร์ใหม่ๆ ได้โดยตรวจสอบจากลักษณะที่แตกต่างของไฟล์และแอตทริบิวต์ต่างๆ เทคโนโลยี Quorum ได้รับการพัฒนาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบติดตามไฟล์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงแอตทริบิวต์หลายสิบรายการ เช่น อายุ แหล่งที่ดาวน์โหลด ลายเซ็นดิจิตอล และความแพร่หลาย จากนั้นแอตทริบิวต์เหล่านี้จะถูกผสานรวมโดยใช้อัลกอริธึมที่ซับซ้อนเพื่อระบุข้อมูลประวัติ เมื่อไฟล์ถูกเผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและ แอตทริบิวต์เหล่านี้เปลี่ยนไป Quorum ก็จะอัพเดตข้อมูลประวัติของไฟล์ดังกล่าว ข้อมูลประวัติที่ว่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อไฟล์ถูกสร้างขึ้นใหม่และมีแนวโน้มว่าจะเป็นภัยคุกคาม ในขณะที่วิธีการแบบเดิมๆ จะไม่สามารถตรวจจับไฟล์ประเภทนี้ได้

AV-Test.org ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบอิสระ เปิดเผยว่า Norton 2010 รุ่นเบต้า ให้ “ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม”[3] ในการทดสอบวิธีการตรวจจับแบบเก่า เช่น การใช้กฎเกณฑ์ทั่วไปและฐานข้อมูล รวมถึงการตรวจจับแบบไดนามิกสำหรับภัยคุกคามที่ซับซ้อน ซึ่งมักจะหลุดรอดจากการตรวจจับด้วยวิธีการแบบเดิมๆ

คำกล่าวสนับสนุน
มร. เอฟเฟนดี้ อิบราฮิม หัวหน้าฝ่ายธุรกิจผู้บริโภคประจำภูมิภาคเอเชียใต้ของไซแมนเทค กล่าวว่า “ปัจจุบัน อาชญากรในโลกไซเบอร์สามารถหาเงินได้มากกว่าพวกลักลอบค้ายาเสพย์ติดเสียอีก โดยทุกๆ 3 วินาที มีการขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ที่จริงแล้วอาชญากรเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์เท่านั้น หากแต่ยังทำลายชีวิตผู้คนจำนวนมากอีกด้วย” “การเปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ซึ่งใช้ข้อมูลประวัติใน Norton 2010 นับเป็นการยกระดับการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ทั้งนี้ Norton 2010 ใช้ประโยชน์จากพลังของผู้ใช้หลายล้านคนเพื่อต่อสู้กับกลุ่มอาชญากรบนระบบออนไลน์ ด้วยวิธีที่รวดเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และชาญฉลาดมากกว่า จึงช่วยให้ผู้บริโภคสามารถ ‘ปฏิเสธ’ ภัยร้ายในรูปแบบดิจิตอล และ ‘อนุญาต’ ให้มีการใช้งานระบบออนไลน์อย่างปลอดภัย”

มร. จอน ออลท์ซิก นักวิเคราะห์อาวุโสของ Enterprise Strategy Group กล่าวว่า “ภัยคุกคามด้านความปลอดภัยมีจำนวนเพิ่มขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้นจนยากจะควบคุมด้วยวิธีการแบบเดิมๆ เช่น การตรวจสอบโดยใช้ไฟล์ฐานข้อมูลและกฎเกณฑ์ลักษณะการทำงาน” “เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยโดยใช้ข้อมูลประวัติสำหรับ Norton 2010 ของไซแมนเทค นับเป็นแนวทางใหม่ที่สำคัญอย่างมากต่อการป้องกันไวรัสแบบหลายๆ ระดับชั้น ผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งโดยเป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่าง Quorum ในช่วงระยะเวลา 10 ปีนับจากนี้”

ทำงานรวดเร็วที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุด
สืบเนื่องจากความสำเร็จของ Norton 2009 ไซแมนเทคจึงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดภาระต่อคอมพิวเตอร์มากจนเกินไป ซอฟต์แวร์ Norton 2010 ยังคงรักษาประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่า แม้ว่าจะมีการเพิ่มเติมเทคโนโลยีการป้องกันแบบใหม่ไว้ในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่นี้ PassMark Software ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบอิสระ ได้รับมอบหมายให้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์จากไซแมนเทค รวมถึงผลิตภัณฑ์จากคู่แข่ง เพื่อตรวจวัดผลกระทบต่อประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ โดยพิจารณาจากดัชนีหลัก[4] และประเด็นสำคัญจากรายงานการทดสอบนี้ได้แก่:

ติดตั้งรวดเร็ว — Norton Internet Security 2010 ใช้เวลาติดตั้งเพียง 1 นาทีเท่านั้นใช้หน่วยความจำน้อยที่สุดในการทำงาน — Norton Internet Security 2010 ใช้หน่วยความจำเพียงแค่ 10MBสแกนได้เร็วที่สุด — Norton Internet Security 2010 ใช้เวลาในการสแกนเพียงแค่ 61 วินาทีบนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และเพียงแค่ 31 วินาทีบนไดรฟ์แบบโซลิดสเตท (Solid State Drive)

รองรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
เทคโนโลยีในตระกูล Norton Insight ในผลิตภัณฑ์รุ่น 2010 ใช้ระบบข้อมูลข่าวกรองทางออนไลน์เพื่อปกป้องเครื่องพีซีและแจ้งให้ผู้ใช้รับทราบถึงผลกระทบด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นกับไฟล์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ สำหรับการใช้งานผ่านระบบออนไลน์ในแต่ละวัน

- Norton Download Insight – ใช้ระบบข้อมูลข่าวกรองออนไลน์ที่ครอบคลุมขอบเขตกว้างขวาง โดยใช้ข้อมูลประวัติของไฟล์ (Reputation) เพื่อปกป้องเครื่องพีซีของคุณในลักษณะเชิงรุก การวิเคราะห์และรายงานเรื่องความปลอดภัยของไฟล์และแอพพลิเคชั่นใหม่ ก่อนที่ผู้ใช้จะติดตั้งและรันไฟล์และแอพพลิเคชั่นเหล่านั้น

- Norton System Insight – ประกอบด้วยคุณสมบัติและข้อมูลระบบแสดงผลที่เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้เครื่องพีซีมีประสิทธิภาพและความเร็วสูงสุด นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงแอพพลิเคชั่นแบบอัตโนมัติและแบบตามความต้องการ และมีการแสดงเหตุการณ์ล่าสุดบนคอมพิวเตอร์ โดยนำเสนอข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวิจัยและวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับพีซี กราฟแสดงสมรรถนะจะระบุถึงสาเหตุที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ช้าลง

- Norton Threat Insight – แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ตรวจพบบนเครื่องพีซี รวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับแหล่งที่มา (URL) และเวลาที่มีการตรวจพบครั้งแรก

- Norton Insight Network – ใช้ประโยชน์จากแนวทางการประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud) ของไซแมนเทค โดยนอกเหนือจากการใช้บัญชีรายชื่อไฟล์และแอพพลิเคชั่นที่เป็นอันตรายและที่ปลอดภัยจากระบบคลาวด์แล้ว เทคโนโลยี Quorum ยังใช้การวิเคราะห์เชิงสถิติสำหรับแอตทริบิวต์ของไฟล์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากการสแกนหลายพันครั้งบนคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่อง เพื่อระบุระดับความน่าเชื่อถือของไฟล์ วิธีนี้ทำให้ Norton สามารถระบุไฟล์ต่างๆ ว่าเป็นไฟล์ที่น่าเชื่อถือหรือไม่น่าเชื่อถือได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากใช้วิธีการแบบเดิมๆ ไฟล์บางส่วนจะถูกระบุว่าเป็นไฟล์ที่ไม่รู้จัก

เทคโนโลยีสำคัญๆ เพิ่มเติม:
- SONAR 2 – รุ่นที่สองของเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงแบบใช้วิธีตรวจสอบลักษณะการทำงาน ซึ่งจะตรวจจับภัยคุกคามใหม่ๆ ตามการดำเนินการที่น่าสงสัย โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักภัยคุกคามดังกล่าวมาก่อน เทคโนโลยีนี้จะใช้ข้อมูลจากระบบคลาวด์ที่เก็บข้อมูลประวัติ รวมถึงไฟร์วอลล์ การสื่อสารบนเครือข่าย (IPS) และแอตทริบิวต์ของไฟล์ เช่น ตำแหน่งที่ตั้งบนเครื่องพีซี ข้อมูลแหล่งที่มา ฯลฯ เพื่อตัดสินใจว่าควรจะตรวจจับโปรแกรมว่าเป็นภัยคุกคามเมื่อใด

- โปรแกรมป้องกันสแปมรุ่นใหม่ (Norton Internet Security เท่านั้น) – เอนจิ้นสำหรับการป้องกันสแปมระดับองค์กร ช่วยให้คุณไม่ต้องวุ่นวายกับอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ และปลอดภัยจากอีเมล์หลอกลวงและอีเมล์ที่ติดเชื้อไวรัส เอนจิ้นรุ่นใหม่นี้มีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 20% และไม่จำเป็นที่ผู้ใช้ต้องให้ซอฟต์แวร์เรียนรู้ลักษระของสแปมมาก่อน

- Norton Safe Web (Norton Internet Security เท่านั้น) – บริการจัดอันดับเว็บไซต์ที่ใส่คำอธิบายประกอบสำหรับผลลัพธ์การค้นหาจาก Google, Yahoo! และ Bing.com ในรูปแบบของการจัดอันดับความปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ ซึ่งจะแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย นอกจากนี้ยังมีการจัดอันดับความปลอดภัยทางด้านอีคอมเมิร์ซ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

- OnlineFamily.Norton (Norton Internet Security เท่านั้น) – ผู้ใช้ Norton Internet Security 2010 สามารถเลือกที่จะทดลองใช้บริการ OnlineFamily.Norton ซึ่งเป็นบริการบนเว็บที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบการใช้งานระบบออนไลน์ของบุตรหลานได้อย่างใกล้ชิด และสนับสนุนการให้ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมบนอินเทอร์เน็ต

บริการสนับสนุนด้านเทคนิคฟรี
ไซแมนเทคยังคงนำเสนอบริการสนับสนุนฟรีแก่ลูกค้าที่ใช้ Norton 2010 ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บ อีเมล ห้องสนทนา ออนไลน์หรือโทรศัพท์[5]นอกเหนือจากบริการสนับสนุนฟรีแล้ว ไซแมนเทคยังจัดเวทีสำหรับผู้ใช้ Norton (Norton Users Discussion Forum) ซึ่งเปิดให้สาธารณชนได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Norton

การวางจำหน่าย การรองรับการใช้งานร่วมกัน และราคา
Norton Internet Security 2010 และ Norton AntiVirus 2010 มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ผ่านทางตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าออนไลน์ของไซแมนเทคที่ www.symantecstore.com รวมถึงร้านค้าปลีกและร้านค้าออนไลน์อื่นๆ

ผลิตภัณฑ์ Norton 2010 สนับสนุน Microsoft Windows XP, Windows Vista และ Windows 7 โดยเวอร์ชั่นล่าสุดทั้งหมด (2009, 2010) ของผลิตภัณฑ์ Norton รวมถึง Norton 360, Norton Internet Security และ Norton AntiVirus จะรองรับการใช้งานร่วมกับ Microsoft Windows 7 เมื่อมีการวางจำหน่ายระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่นี้ ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Norton ดังกล่าวที่สมัครสมาชิกอย่างถูกต้องจะได้รับโปรแกรมอัพเดตสำหรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่โดยอัตโนมัติผ่านทางออนไลน์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ราคาขายปลีกของ Norton Internet Security 2010 อยู่ที่ 1,799 บาทสำหรับใบอนุญาตใช้งานบนพีซีสามเครื่อง และ 799 บาทสำหรับใบอนุญาตใช้งานบนพีซีหนึ่งเครื่อง ส่วนราคาขายปลีกของ Norton AntiVirus 2010 อยู่ที่ 1,399 บาทสำหรับใบอนุญาตใช้งานบนพีซีสามเครื่อง และ 599 บาทสำหรับใบอนุญาตใช้งานบนพีซีหนึ่งเครื่อง ราคาดังกล่าวครอบคลุมการสมัครสมาชิกบริการหนึ่งปีสำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์และรับอัพเดตการป้องกันเพิ่มเติมจากไซแมนเทค ผู้ใช้ Norton Internet Security และ Norton AntiVirus ทุกรายที่สมัครสมาชิกอย่างถูกต้องจะมีสิทธิ์ได้รับอัพเดตผลิตภัณฑ์ล่าสุดผ่านทางรูปแบบบริการสมัครสมาชิก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมศูนย์ Norton Update ที่ http://updatecenter.norton.com

เกี่ยวกับ Norton จากไซแมนเทค
ผลิตภัณฑ์ Norton ของไซแมนเทค ปกป้องผู้บริโภคจากภัยคุกคามทั่วไป ด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัส, ป้องกันสแปม, ป้องกันสปายแวร์ และ ป้องกันฟิชชิ่ง รวมถึงบ็อต การดาวน์โหลดมัลแวร์โดยอัตโนมัติ และการแอบอ้าง โดยใช้ทรัพยากรระบบเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดหาบริการต่างๆ เช่น การสำรองข้อมูลออนไลน์ และการปรับแต่งพีซี และนำเสนอแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับความปลอดภัยออนไลน์ของครอบครัว

เกี่ยวกับไซแมนเทค
ไซแมนเทค (Symantec) เป็นผู้นำระดับโลกในการจัดหาโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัย การจัดเก็บข้อมูล และการจัดการระบบ เพื่อช่วยคุ้มครองผู้บริโภคและองค์กรให้ปลอดภัย และบริหารจัดการโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซอฟต์แวร์และบริการของเราป้องกันความเสี่ยงตามจุดต่างๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นสูงสุด ไม่ว่าข้อมูลจะถูกใช้งานหรือจัดเก็บไว้ที่ใดก็ตาม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.symantec.com

[1] ”ชุดซอฟต์แวร์ด้านการรักษาความปลอดภัยที่ทำงานได้เร็วที่สุด” อ้างอิงจากความเร็วในการสแกน ที่มา: PassMark Software, "Antivirus, Internet Security and Total Security Products Performance Benchmarking (2010)," กันยายน 2552 http://www.passmark.com/AVReport

[2] Symantec Internet Security Threat Report Volume XIV, เมษายน 2552
[3] AV-Test.org ตีพิมพ์เผยแพร่ผลการทดสอบผ่านทางออนไลน์: http://www.pcgameshardware.de/aid,689241/Norton-Anti-Virus-2010-Beta-Erster-Test/Sicherheit/Test/, กรกฎาคม 2552

[4] ระบบที่ใช้ทดสอบ: Vista Core Duo, IBM/Lenovo A55 ThinkCentre Desktop, Intel Core 2 6300 @1.86GHz, 2GB RAM, ฮาร์ดไดรฟ์ WD 250GB รันระบบปฏิบัติการ Windows VISTA Ultimate 32bit SP2 ที่มา: Passmark Ltd., 2 กันยายน 2552

[5] ช่องทางการให้บริการสนับสนุนอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค และอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและค่าโทรศัพท์ในบางประเทศ หากต้องการทราบรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับบริการสนับสนุน โปรดเยี่ยมชม


ที่มา http://www.newswit.com

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

facebook คืออะไร



ความนิยมของ facebook ในประเทศไทย โดยดูจากข้อมูลของ Google Trend
เว็บไซต์ url : www.facebook.com


หลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินชื่อ facebook ว่าเป็น social network ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งถ้าในต่างประเทศ ความยิ่งใหญ่ของ facebook มีมากกว่า Hi5 เสียอีก แต่ในประเทศไทยของเรา Hi5 ยังครองความเป็นเจ้าในด้าน social network ในหมู่คนไทย แต่อย่างไรก็ตาม เราลองมาดูประวัติของ facebook กันดีกว่า ว่าเป็นอย่างไร

ประวัติ facebook

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 Mark Zuckerburg ได้เปิดตัวเว็บไซต์ facebook ซึ่งเป็นเว็บประเภท social network ที่ตอนนั้น เปิดให้เข้าใช้เฉพาะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดเท่านั้น และเว็บนี้ก็ดังขึ้นมาในชั่วพริบตา เพราะแค่เพียงเปิดตัวได้สองสัปดาห์ ครึ่งหนึ่งของนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ก็สมัครเป็นสมาชิก facebook เพื่อเข้าใช้งานกันอย่างล้นหลาม และเมื่อทราบข่าวนี้ มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในเขตบอสตั้นก็เริ่มมีความต้องการ และอยากขอเข้าใช้งาน facebook บ้างเหมือนกัน มาร์คจึงได้ชักชวนเพื่อของเค้าที่ชื่อ Dustin Moskowitz และ Christ Hughes เพื่อช่วยกันสร้าง facebook และเพียงระยะเวลา 4 เดือนหลังจากนั้น facebook จึงได้เพิ่มรายชื่อและสมาชิกของมหาวิทยาลัยอีก 30 กว่าแห่ง

ไอเดียเริ่มแรกในการตั้งชื่อ facebook นั้นมาจากโรงเรียนเก่าในระดับมัธยมปลายของมาร์ค ที่ชื่อฟิลิปส์ เอ็กเซเตอร์ อะคาเดมี่ โดยที่โรงเรียนนี้ จะมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่ชื่อว่า The Exeter Face Book ซึ่งจะส่งต่อ ๆ กันไปให้นักเรียนคนอื่น ๆ ได้รู้จักเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ซึ่ง face book นี้จริง ๆ แล้วก็เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น จนเมื่อวันหนึ่ง มาร์คได้เปลี่ยนแปลงและนำมันเข้าสู่โลกของอินเทอร์เน็ต

เมื่อประสบความสำเร็จขนาดนี้ ทั้งมาร์ค ดัสติน และ ฮิวจ์ ได้ย้ายออกไปที่ Palo Alto ในช่วงฤดูร้อนและไปขอแบ่งเช่าอพาร์ทเมนท์ แห่งหนึ่ง หลังจากนั้นสองสัปดาห์ มาร์คได้เข้าไปคุยกับ ชอน ปาร์คเกอร์ (Sean Parker) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Napster จากนั้นไม่นาน ปาร์คเกอร์ก็ย้ายเข้ามาร่วมทำงานกับมาร์คในอพาร์ตเมนท์ โดยปาร์คเกอร์ได้ช่วยแนะนำให้รู้จักกับนักลงทุนรายแรก ซึ่งก็คือ ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal และผู้บริหารของ The Founders Fund โดยปีเตอร์ได้ลงทุนใน facebook เป็นจำนวนเงิน 500,000 เหรียญสหรัฐฯ

ด้วยจำนวนสมาชิกหลายล้านคน ทำให้บริษัทหลายแห่งสนใจในตัว facebook โดย friendster พยายามที่จะขอซื้อ facebook เป็นเงิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในกลางปีพ.ศ. 2548 แต่ facebook ปฎิเสธข้อเสนอไป และได้รับเงินทุนเพิ่มเติมจาก Accel Partners เป็นจำนวนอีก 12.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในตอนนั้น facebook มีมูลค่าจากการประเมินอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

facebook ยังเติบโตต่อไป จนถึงเดือนกันยายนปีพ.ศ. 2549 ก็ได้เปิดในโรงเรียนในระดับมัธยมปลาย เข้าร่วมใช้งานได้ และในเดือนถัดมา facebook ได้เพิ่มฟังค์ชั่นใหม่ โดยสามารถให้สมาชิก เอารูปภาพมาแบ่งปันกันได้ ซึ่งฟังชั่นนี้ได้ัรับความนิยมอย่างล้นหลาม ในฤถูใบไม้ผลิ facebook ได้รับเงินจากการลงทุนเพิ่มอีกของ Greylock Partners, Meritech Capitalพร้อมกับนักลงทุนชุดแรกคือ Accel Partners และ ปีเตอร์ ธีล เป็นจำนวนเงินถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการประเมินมูลค่าในตอนนั้นเป็น 525 ล้านเหรียญ หลังจากนั้น facebook ได้เปิดให้องค์กรธุรกิจหรือบริษัทต่าง ๆ ให้สามารถเข้าใช้งาน facebook และสร้าง network ต่าง ๆ ได้ ซึ่งในที่สุดก็องค์กรธุรกิจกว่า 20,000 แห่งได้เข้ามาใช้งาน และสุดท้ายในปีพ.ศ. 2550 facebook ก็ได้เปิดให้ทุกคนที่มีอีเมล์ ได้เข้าใช้งาน ซึ่งเป็นยุคที่คนทั่วไป ไม่ว่าเป็นใครก็สามารถเข้าไปใช้งาน facebook ได้เพียงแค่คุณมีอีเมล์เท่านั้น

ในช่วงฤดูร้อนปี 2550 ครั้งนั้น Yahoo พยายามที่จะขอซื้อ facebook ด้วยวงเงินจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่ามาร์คได้ทำการตกลงกันด้วยวาจาไปแล้วด้วยว่า จะยอมขาย facebook ให้กับ Yahoo และเพียงแค่สองสามวันถัดมา หุ้นของ Yahoo ก็ได้พุ่งขึ้นสูงเลยทีเดียว แต่ว่าข้อเสนอซื้อได้ถูกต่อรองเหลือเพียงแค่ 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้มาร์คปฎิเสธข้อเสนอนั้นทันที ภายหลังต่อมา ทาง Yahoo ได้ลองเสนอขึ้นไปที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกครั้ง คราวนี้มาร์คปฎิเสธ Yahoo ทันที และได้รับชื่อเสียงในทางไม่ดีว่า ทำธุรกิจเป็นเด็กฯ ไปในทันที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาร์คปฎิเสธขอเสนอซื้อบริษัท เพราะเคยมีบริษัท Viacom ได้เคยลองเสนอซื้อ facebook ด้วยวงเงิน 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และถูกปฎิเสธไปแล้วในเดือนมีนาคมปี 2550

มีข่าวอีกกระแสหนึ่งที่ไม่ค่อยดีสำหรับ facebook ที่ได้มีการโต้เถียงกันอย่างหนัก กับ Social Network ที่ชื่อ ConnectU โดยผู้ก่อตั้ง ConnectU ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กที่ฮาเวิร์ด ได้กล่าวหาว่ามาร์คได้ขโมยตัว source code สำหรับ facebook ไปจากตน โดยกรณีนี้ได้มีเรื่องมีราวไปถึงชั้นศาล และตอนนี้ได้แก้ไขข้อพิพาทกันไปเรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าจะ่มีข้อพิพาทอย่างนี้เกิดขึ้น การเติบโตของ facebook ก็ยังขับเคลื่อนต่อไป ในฤดูใบไม่ร่วงปี 2551 facebook มีสมาชิกที่มาสมัครใหม่มากกว่า 1 ล้านคนต่อสัปดาห์ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่วันละ 200,000 คน ซึ่งรวมกันแล้วทำให้ facebook มีสมาชิกมากถึง 50 ล้านคน โดย facebook มียอดผู้เข้าชมเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 ล้านเพจวิวต่อเดือน จากวันแรกที่ facebook เป็น social network ของนักศึกษามหาวิทยาลัย จนวันนี้ สมาชิกของ facebook 11% มีอายุมากกว่า 35 ปี และสมาชิกที่มีอายุมากกว่า 30 ปีก็เข้ามาสมัครใช้ facebook กันเยอะมาก นอกเหนือจากนี้ facebook ยังเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ในตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดย 15% ของสมาชิก เป็นคนที่อยู่ในประเทศแคนาดา ซึ่งมีรายงานออกมาด้วยว่า ค่าเฉลี่ยของสมาชิกที่มาใช้งาน facebook นั้ินอยู่ที่ 19 นาทีต่อวันต่อคน โดย facebook ถือได้ว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของสหรัฐอเมริกาและเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้อัพโหลดรูปภาพสูงที่สุดด้วยจำนวน 4 หมื่นหนึ่งพันล้านรูป

จากจำนวนสถิติเหล่านี้ ไมโครซอฟต์ได้ร่วมลงทุนใน facebook เป็นจำนวนเงิน 240 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกกับหุ้นจำนวน 1.6 % ในเดือนตุลาคม 2551 ทำให้มูลค่ารวมของ facebook มีมากกว่า 15,000 ล้านบาท และทำให้ facebook เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 5 ในหมู่บริษัทอินเทอร์เน็ตในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่ารายรับต่อปีเพียงแค่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลายฝ่ายได้อธิบายว่า การตัดสินใจของไมโครซอฟต์ในครั้งนี้ทำเพียงเพื่อที่จะเอาชนะ Google ซึ่งเป็นคู่แข่งขันที่จะขอซื้อ facebook ในครั้งเดียวกันนั้น

คู่แข่งของ facebook ก็คือ MySpace, Bebo, Friendster, LinkedIn, Tagged, Hi5, Piczo, และ Open Social


ที่มาhttp://keng.com/2009/02/17/what-is-facebook/

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Windows 7 เร็วกว่า Vista แม้ตอนบู๊ต จริงหรือ


รายงานข่าวที่ทำให้หลายคนประหลาดใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นก็คือ การที่ Iolo Technologies บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ทูลส์ปรับแต่งการทำงานของพีซีออกมาเปิดเผยว่า Windows 7 ใช้เวลาในการบู๊ตเครื่องนานกว่า Windows Vista โดยใช้หลักเกณฑ์ในการวัดว่า สิ้นสุดการบู๊ตเมื่อซีพียูเข้าสู่ Idle state หรือสภาวะ"ว่าง"จากการทำงาน (ไม่มีการเรียกให้ประมวลผลใดๆ อีก)

ผู้ใช้วินโดวส์ทีมีประสบการณ์ส่วนใหญ่จะทราบดีว่า การสิ้นสุดการบู๊ตของระบบปฏิบัติการไมได้จบที่ "Idle state" เพราะมันไม่ใช่ DOS (Disk Operating System) ระบบปฏิบัติการที่ทำทีละงาน (single task) ซึ่ง Iolo ใช้วิธีจับเวลาเมื่อซีพียูพร้อมทำงานเต็มที่ หรือ"ว่าง"โดยสมบูรณ์ ซึ่งการวัดด้วยวิธีนี้สำหรับระบบปฏิบัติการที่ทำหลายงานพรอ้มกัน (multi-tasking) มันดูจะเป็นวิธีที่คลุมเครือ

ประเด็นของการบู๊ต เร็วมี่ความหมายต่อผู้ใช้พีซีตรงที่มันสร้างความรู้สึกให้กับผู้ใช้ว่า พีซีของพวกเขาเร็วขึ้น (แค่ตอนบู๊ต?) และนั่นน่าจะหมายถึง มันดีขึ้นด้วย จนผู้ใช้หลายคนลืมเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือ "ความปลอดภัย" ของระบบ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาตลอดเวลาว่า ผลการทดสอบ Windows Vista มีความปลอดภัยมากกว่า Windows XP แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่กลับรู้สึกว่า มันไม่ปลอดภัย แถมยังช้า และเสถียรน้อยกว่า Windows XP อีกด้วย...ว่าเข้าไปนั่น :p

หลังจากที่ มีข่าวดังกล่าวออกมา เว็บไซต์อย่าง Betanews ได้ทำการทดลองวัดความเร็วเฉลี่ยที่ได้จากการบู๊ตคนละ 5 ครั้งบนพีซีที่รัน Windows 7 และ Vista โดยสเป็กเครื่องที่ใช้เป็น Intel Core 2 Quad Q6600 เมนบอร์ด Gigabyte GA-965P-DS3 การ์ดกราฟิก Nvidia 8600 GTS หน่วยความจำ DDR2 3GB ฮาร์ดดิสก์ Seagate Barracuda 7200.11 ความจุ 650GB การวัดเริ่มต้นที่การกดปุ่ม Enter เลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการจะบู๊ตตรงหน้าจอ multi-boot จนถึงหน้าจอ Login จะปรากฎ ผลลัพธ์ที่ได้คือ เวลาเฉลี่ยของการบู๊ต Windows 7 อยู่ที่ 24.214 วินาที ส่วน Vista อยู่ที่ 36.262 วินาที ซึ่งกลายเป็นว่า Vista บู๊ตช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด ประเด็นการวัดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องของ Idle State ของซีพียู มันยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การบู๊ตเร็ว หรือช้าด้วย อย่างเช่น ไดรเว่อร์ที่ใช้ ตลอดจนแอพพลิเคชันที่ต้องถูกเรียกทำงานตอนเริ่มต้น

นอกจากผลการทดสอบ ข้างต้นแล้ว เว็บไซต์อย่าง ChannelWeb ก็ได้ลองพิสูจน์บางอย่าง นั่นก็คือ ติดตั้งซอฟต์แวร์ System Mechanic (ของ Iolo Technologies) บน Windows 7 แล้วลองบู๊ตเครื่องให้ทำงาน ปรากฎว่า มันช้ากว่าเครื่่องที่ไม่ได้ติดตั้งอย่างชัดเจน ผลลัพธ์ที่ได้นี้ มันจึงดูเหมือนว่า Iolo มีใจเอนเอียงไปทาง Vista มากกว่า หรือเปล่า? การวัดจึงต้องใช้วิธีดังกล่าว เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการ ซึ่งก็เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายสงสัยอยู่เหมือนกัน แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มือถือรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในเร็วๆนี้


โซนี่เปิดตัว"แอนดรอยด์โฟน"รุ่นแรก

ช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนว่า โซนี่ (Sony) ฝากอนาคตไว้กับกูเกิ้ล (Google) เนื่องจากมีความร่วมมือในด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น โน้ตบุ๊กที่มาพร้อมกับ Google Chrome เครื่องอ่านอีบุ๊กที่สามารถเข้าถึงอีบุ๊กใน Google Books ล่าสุดทาง Sony Ericsson ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งก็ใช้ระบบปฏิบัติการเป็นแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิ้ลอีกต่างหาก


Xperia X10 แอนดรอยด์โฟนที่มาพร้อมกับกล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 4 นิ้ว พร้อมด้วยระบบแผนที่ดาวเทียม GPS สามารถดาวน์โหลดแอ็พฯต่างๆ จาก Android Market และ Play Now Arena ของ Sony Ericsson สำหรับ X10 ที่เดิมใช้โค้ดเนมว่า Rachel ขณะที่ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา จะเริ่มวางตลาดในไตรมาสแรกของปี 2010 โดยทางบริษัทกล่าวว่า X10 เป็นแอนดรอยด์โฟนตัวแรกจากอีกหลายรุ่นที่จะวางตลาดในปีหน้า


โซนี่อีริคสันกล่าวว่า ทางบริษัทได้ออกแบบส่วนติตต่อผู้ใช้ที่จะช่วยให้เจ้าของเครื่องสามารถใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น Twitter, Facebook และอีเมล์ ตลอดจนแอพลิเคชันเมสเสจจิ้งอื่นๆ มือถือรุ่นนี้สามารถทำงานกับเครือข่ายโมบายรุ่นที่สอง และสาม ซึ่งรวมถึง HSPA และ Wi-Fi สำหรับ X10 จะทำงานด้วย Android 1.6 โดยภายในเครื่องใช้ซ๊พียู Snapdragon 1GHz ของ Qualcomm อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องสนนราคาของมันออกมาแต่อย่างใด


การตัดสินใจผลิตแอนดรอยด์โฟนของโซนี่อีริคสัน แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดคืนกลับมาบางส่วน เนื่องจากในช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมา ทางโซนี่ต้องประสบกับภาวะขาดทุนเนื่องจากต้องปะทะกับคู่แข่งอย่าง iPhone ของ Apple อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเปิดตัว X10 ก่อนคริสต์มาสอาจะส่งผลกระทบกับผลิตภัณฑ์อย่าง Satio เพราะผู้บริโภคอาจจะรอไปซื้อ X10 ในต้นปีหน้าแทน

ที่มา http://www.arip.co.th

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความรู้สึกของคนที่ต้องจากกัน


วันที่สองแล้วสินะที่เธอต้องจากฉันไปเพื่อไปทำหน้าที่ของลูกผู้ชาย วันที่เธอจะต้องไปทำหน้าที่เป็นรั่วของชาติ ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้ไปส่งเธอ เพราะฉันกลัวว่าจะกลั่นน้ำตาใว้ไม่อยู่จริงๆ ฉันกลัวว่าเวลาที่ฉันมองหน้าของเธอแล้วฉันจะร้องไห้โฮออกมา เลยได้แต่โทรหาเพื่อบอกลาเธอ(แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมมันดันหมดแบตซะนี้) แต่เธอรู้ไหมว่าเมื่อฉันได้ยินเสียงของเธอแล้วน้ำตาของฉันมันก็ไหลออกมาโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลย ฉันร้องไห้จนตาบวมเป๋งเลย(อิอิ น่าอายจัง)



วันนี้เป็นวันลอยกระทง มันยิ่งทำให้ฉันคิดถึงเธอมากขึ้นไปอีกรู้ป่าว แต่ไม่เป็นไรหรอกถึงเธอไม่อยู่ฉันก็ยังสามารถลอยกระทงกับเธอได้แหละ (ด้วยวิธีไหนรู้ป่าว) ก็ด้วยการลอยกระทงออนไลน์ไงล่ะ(เมย์มันแนะนำนะ) ฉันอธิฐานว่าไงรู้ป่าว(ไม่บอกหรอกเดี่ยวคำอธิฐานจะไม่เป็นจิงนะ) คืนนี้ฉันก็ยังพยายามที่จะโทรไปหาเธออยู่เลยรู้ป่าว ถึงแม้จะรู้ว่าโทรไปก็คงไม่ติดหรอก แต่ฉันก็ยังโทร(แฮะๆๆๆๆ หลอกตัวเองสุดๆ)